ฉีดบาดทะยัก ปวดแขน

ฉีดบาดทะยัก ปวดแขน

ฉีดบาดทะยัก ปวดแขน การกระทำตัวสำหรับการรับวัคซีน

1.ควรที่จะนำสมุดบันทึกวัคซีนมาด้วยทุกครั้ง ฉีดบาดทะยัก ปวดแขน

2.ไม่ควรรับวัคซีนตอนที่มีไข้สูง หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน การเป็นหวัด ท้องเสียโดยไร้ไข้สามารถรับ วัคซีนได้

3.ข้างหลังรับวัคซีนควรอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย10นาทีเพื่อที่จะชมปฏิกิริยาแพ้ยาแบบเฉียบพลัน อาทิเช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ หมดสติฯลฯ

4.ถ้ามีอาการไข้ ปวดศีรษะปวดเมื่อย สามารถทานยาลดไข้แก้ปวดพาราเซ็ตตามอลได้ หากไม่แพ้ยา

5.หากมีลักษณะอาการเจ็บปวด บวม ด้านใน 24ชั่วโมงแรก ให้ใช้ผ้าเย็นประคบ เพื่อที่จะลดเลือดไหลเวียนมาบริเวณนั้น อาการบวมจะลดน้อยลง

6.ถ้ามีลักษณะอาการบวมแดง จำเป็นต้องประเมินว่าเกิดการติดเชื้อไหม หากเป็นฝีควรปฏิบัติ ดังนั้น

ฝีจากBCG ทำความสะอาดด้วย 70%alcohol หรือน้ำสะอาดที่ต้มสุก ฉีดบาดทะยัก ปวดแขน

ฝีต่อมน้ำเหลืองจาก BCG ควรจะพบแพทย์

ฝีจากคอตีบไอกรนบาดทะยัก มักเป็นฝีไม่มีเชื้อ ณ เวลาบวมแดงคงจะประคบเย็นถ้าไม่ดีขึ้นหรือ ขนาดใหญ่ขึ้นให้พบแพทย์

7.หลังรับวัคซีนโดยเฉพาะเด็กโตอาจจะมีลักษณะอาการหน้ามืดเป็นลม ให้นั่งนิ่งๆ อยู่กับที่หรือนอนราบอย่างน้อย 15 นาทีหรือจนอาการดียิ่งขึ้น

8.หากไม่สามารถมาตามนัดที่ฉีดได้ สามารถเลื่อนออกได้ (นำเสนอว่าไม่แนะนำให้เกิน 2 สัปดาห์)

9.ถ้าเคยฉีดยาแล้วมีลักษณะอาการแพ้ยา หรือมีอาการแพ้ไข่หรือไก่แบบเร่าร้อน ขอความกรุณาแจ้งกุมารแพทย์หรือ เจ้าหน้าที่รู้ด้วย

ข้อมูลทั้งผลข้างเคียงและการปฏิบัติตัวข้างหลังรับวัคซีนนี้เพื่อเป็นข้อมูลฐานรากเพียงแค่นั้น เพื่อจะมีสาระแก่คุณพ่อคุณแม่สำหรับเพื่อการชมแลลูกน้อยในการมารับวัคซีนเพื่อที่จะผลักดันสุขภาพแก่ลูกบางส่วนของท่าน

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปฉีด วัคซีนบาดทะยัก

การฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องจำเป็นและจำเป็นมาก เนื่องมาจากเป็นการผลิตภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับโรคต่างๆ วัคซีนบาดทะยัก ยอดเยี่ยมในวัคซีนสำคัญที่เราโดยส่วนมากจะมองข้ามและไม่ให้ความสนใจ ทั้งๆ ที่ผู้ที่เป็นโรคบาดทะยักคงจะะมีโอกาสในการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง เนื้อหานี้จะให้วิชาการเกี่ยวกับวัคซีนบาดทะยัก เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับผู้มีความต้องการที่จะจะฉีดวัคซีนบาดทะยัก

วัคซีนบาดทะยัก คืออะไร

บาดทะยัก (Tetanus) หมายถึงว่าโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani แบคทีเรียชนิดนี้สามารถเจอได้ในดิน ละอองฝุ่น และสิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติอื่นๆ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะไปสู่ร่างกายทางบาดแผล อาทิเช่น บาดแผลจากของมีคม เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายก็จะสร้างสารพิษที่มีผลเสียต่อรูปแบบการทำงานของระบบประสาทที่บังคับการการทำงานของกล้ามเนื้อ ผู้ที่ติดเชื้อบาดทะยักอาจจะจะมีลักษณะอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรุนแรง ขาดหายใจไม่ออก หรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ และแนวทางในการปกป้องบาดทะยักที่เยี่ยมที่สุด ก็คือการฉีดวัคซีนคุ้มครองป้องกันบาดทะยัก

วัคซีนบาดทะยัก เป็นวัคซีนที่ได้จากการนำสารพิษ มานำมาซึ่งการทำให้หมดฤทธิ์ด้วยสารเคมี ทำให้มีความปลอดภัยในการสร้างภูมิคุ้มกันและคุ้มครองปกป้องโรค โดยเวอร์ชั่นและปริมาณของพิษจะขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนบาดทะยักแต่ละชนิด

  • วัคซีนบาดทะยัก มีร่วมกันทั้งหมดทั้งมวล 4 ชนิด คือ
  • วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก (DT) สำหรับเด็กที่อายุ 7 ปีขึ้นไป
  • วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTaP) เพื่อเด็กที่อายุไม่เกิน 7 ปี
  • วัคซีนบาดทะยักและคอตีบ (Td) สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่
  • วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tdap) เพื่อเด็กโตและผู้ใหญ่
  • วัคซีนบาดทะยักควรต้องฉีดเมื่อไหร่จึงจะเป็นผลสูงสุด
  • วัคซีนบาดทะยักนั้น ไม่น่าใช่วัคซีนที่ฉีดเพียงแค่1 ครั้งและรวมทั้งเสร็จ แต่คุณจึงควรรับวัคซีนเป็นชุดๆ โดยมีระยะการรับวัคซีนที่ชี้แนะคือ ทุกๆ 10 ปี

สำหรับเด็ก

สำหรับเด็กที่ยังอายุน้อยในวัยแรกกำเนิดนั้น จะได้รับวัคซีคบาดทะยักชนิด DTaP ซึ่งสามารถคุ้มครองได้ทั้งบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน โดยที่สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) ได้ให้คำปรึกษาในการฉีดวัคซีนบาดทะยักสำหรับเด็กที่ยังไม่โต โดยมีระยะดังต่อแต่นี้ไป

  • อายุ2 เดือน
  • อายุ4 เดือน
  • อายุ6 เดือน
  • อายุ15-18 เดือน
  • อายุ4-6 ปี

วัคซีนบาดทะยักจำพวก DTaP นั้นจะไม่ใช้กับเด็กที่มีอายุเพิ่มขึ้นกว่า 7 ปีขึ้นไป

ยิ่งไปกว่านั้นนี้ เด็กก็ควรจะจะได้รับวัคซีนบาดทะยัก Tdap เพิ่มอีกครั้ง ในเวลาอายุ 11 หรือ 12 ปี และเมื่อผ่านไป 10 ปีภายหลังจากได้รับวัคซีน Tdap ก็ควรจะจะได้รับวัคซีบาดทะยักจำพวก Td

เพื่อผู้ใหญ่

หลายๆคนอาจจะรู้เรื่องว่า วัคซีนบาดทะยักนั้น เป็นวัคซีนที่เหมือนกันกับวัคซีนอื่นๆ ที่ฉีดเพียงแค่1 ครั้งก็พอเพียงแล้ว แต่จริงๆ แล้ว ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนบาดทะยักทุกๆ 10 ปี เพื่อจะการปกป้องวัคซีนอย่างมีคุณภาพ

ศูนย์สั่งการและปกป้องโรค (CDC) ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ใหญ่ที่มิได้รับวัคซีนจนครบชุดในวัยเด็กนั้น ควรจะจะได้รับวัคซีนจำพวก Tdap ก่อน แล้วค่อยตามด้วยให้วัคซีน Td ในทุกๆ 10 ปี

สำหรับผู้ตั้งครรภ์

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ควรจะได้รับวัคซีนคุ้มครองบาดทะยักจำพวก Tdap วัคซีนนี้จะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือในการเสริมภูมิคุ้มค่ากันปกป้องโรคไอกรนสำหรับทารกในครรภ์ได้อีกด้วย

หากคุณแม่นั้นไม่ได้รับการฉีดวัคซีน Td หรือ Tdap ข้างใน 10 ปีให้หลัง คงจะต้องได้รับวัคซีน Tasp เพื่อช่วยเพิ่มเติมอีกการป้องกันทารกในครรภ์จากโรคบาดทะยัก และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคคอตีบ ซึ่งเป็นโรคที่คงอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเพื่อทารกแรกกำเนิด

ระยะเวลาการฉีดวัคซีนปกป้องบาดทะยักที่เยี่ยมที่สุดเพื่อผู้ตั้งครรภ์ คือฉีดวัคซีนในระหว่างอาสมัยรรภ์ตอน 27 ถึง 36 สัปดาห์ แต่การฉีดวัคซีนบาดทะยักไม่ว่าจะเป็นระหว่างไหนของการตั้งครรภ์ก็ไม่มีอันตรายด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณแม่ไม่มั่นใจว่าตนเองเคยได้รับการฉีดวัคซีนบาดทะยักมาก่อนหรือเปล่า อาจจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีนบาดทะยักครบทั้งชุด

ผลข้างเคียงของวัคซีนที่คงจะกำเนิดขึ้น

  • อาการที่ไม่รุนแรง
  • มีลักษณะอาการเจ็บปวด บวม หรืออาการแดงในบริเวณที่ฉีดวัคซีน
  • เจ็บปวดหัว
  • เจ็บเมื่อยตามลำตัว
  • รับรู้อ่อนเพลีย เหนื่อย ไร้แรง
  • เจ็บท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • เบื่ออาหาร
  • เป็นไข้
  • เด็กอาจจะจะมีลักษณะอาการงอแง

อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็น หรือใช้ยาแก้เจ็บ อย่างเช่น ยาพาราเซตามอล หรือสามารถไม่เอาใจใส่ไว้ให้อาการขาดหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นจะต้องกระทำรักษาเติมอีก

อาการที่ร้อนแรง

เส้นประสาท Brachial อักเสบ (Brachial neuritis) ส่วนมากจะกำเนิดภายใน 3-10 วันแรกภายหลังได้รับ มีลักษณะอาการคือ รู้สึกปวดรอบๆหัวไหล่หรือต้นแขน แล้วตามด้วยอาการแขนอ่อนแรง มีอาการชา

เด็กคงจะมีลักษณะอาการงอแง หรือลมชัก เป็นเวลาช้านานกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไป

มีไข้สูง

อาการแพ้เฉียบพลันรุนแรง (Anaphylaxis) โดยมากจะเกิดภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมงภายหลังรับวัคซีน โดยมีลักษณะอาการคือเป็นผื่นลมพิษทั่วทั้งร่างกาย คันตามผิวหนัง และมีอาการบวมที่ใบหน้า ปาก หรือลำคอ หายใจไม่ออก ชีพจรอ่อน เป็นต้น

หากประสบอาการที่เร่าร้อนพวกนี้ควรจะรีบติดต่อและทำการสื่อสารแพทย์ในทันทีทันใด เนื่องจากคงจำเป็นจะต้องมีการวินิจฉัย และทำการรักษา หรือทำกายภาเจอำบัดอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะคุ้มครองปกป้องไม่ให้เกิดปัญหาที่ร้อนแรงตามมาในหลังจากนั้น

บาดทะยัก (Tetanus)

โรคบาดทะยักเป็นอย่างไร

โรคบาดทะยัก (Tetanus) เป็นผลมาจากเชื้อแบคทีเรียประเภทหนึ่งที่เรียกว่าคลอเพศหญิงเดียมเททานี (Clostridium tetani) เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้พบทั่วโลก และเจอในดินเป็นพื้น แบคทีเรียนรู้ี้จะผลิตสารพิษที่ทำให้ระบบประสาทเสียหาย กล้ามเนื้อที่สั่งงานโดยเส้นประสาทจะแข็งเกร็งและชา หากไม่ได้รับการรักษาทันที โรคนี้อาจจะส่งผลให้ถึงตายเมื่อกล้ามรายละเอียดยใจสิ้นสุดดำเนินการงาน ชนิดของโรคบาดทะยักมีทั้งจำพวกที่เกิดกับระบบร่างกาย จำเพาะรอบๆ และที่พบในเด็กแรกกำเนิด โรคบาดทะยักไม่น่าใช่โรคติดต่อสื่อสาร และป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

โรคบาดทะยักเกิดขึ้นบ่อยมากมากแค่ไหน

โรคบาดทะยักส่วนมากจะกำเนิดในผู้คนที่มิได้ฉีดวัคซีนคุ้มครองป้องกัน โดยเฉพาะในประเทศด้อยปรับปรุง โดยมากแล้วเด็กทารกและคนหนุ่มสาวมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้มากมายยิ่งกว่า

อาการ

อาการของโรคบาดทะยัก

บาดทะยักบนร่างกายเป็นจำพวกที่ประสบได้จำนวนเยอะที่สุด กล้ามเนื้ออาจจะจะตึง และเกิดการชักเกร็งอย่างเจ็บปวดข้างใน 7 วันหลังจากได้รับบาดเจ็บปวด หรือร่างกายได้รับเชื้อจุลินทรีย์ อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับเชื้อโดยมากจะเป็นกราม คอ ไหล่ หลัง ช่องท้องส่วนบน แขนและต้นขา กล้ามเนื้อรูปพรรณหดตัวส่งผลให้หน้าย่น บางคนที่มีลักษณะอาการชักกระตุกของกล้ามเนื้ออย่างเร่าร้อนจะรับรู้เจ็บทั่วตัว โรคนี้เป็นได้ทั้งแบบไม่เร่าร้อน (กล้ามเนื้อเป็นตะคริวและชักนิดหน่อย) แบบปานกลาง (กรามค้างและกลืนอาหารได้เหนื่อยยาก) หรือแบบร้อนแรง (ชักอย่างรุนแรง หรือจบสิ้นหายใจชั่วคราว)

 

anchorcoffeebk