ดูหนัง ดูหนังออนไลน์ฟรี ดูหนังใหม่ Netflix Full HD 24 ช.ม.

ดูหนัง

ดูหนัง ไม่ทราบจะนิยามกลุ่มผู้ผลิตว่า Duty After School เป็นกลุ่มของผู้คนใจดำหรือกล้าหาญบุ่มบ่ามดี ด้วยเหตุว่ามั่นใจว่าคนไม่ใช่น้อยที่เลือกมาดูพาร์ต 2 ต่อ ก็ล้วนแต่โดนความเป็นซีรีส์การรบเอเลี่ยนยิงดุในพาร์ตที่ 1 ฟาดศีรษะเข้าด้อมๆให้มากมายองกันอยู่นี้ เพื่อคอยดูความมันในพาร์ตถัดไปที่ไม่ว่าใครก็ควรจะมีมุ่งมาดกันบ้างล่ะว่าพาร์ต 2 มันจำเป็นต้องทวีความเดือด มัน หนำใจ ซึ่งเปลี่ยนเป็นว่ากลับมาครั้งนี้ซีรีส์ดันคิดคดทรยศผู้ชมกระทั่งข้างหลังเดาะ

  • ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัสหลักของเรื่องราวที่เอ๋ยถึงการทำสงครามกับเอเลียนให้เปลี่ยนเป็นสงครามจิตวิทยากับมนุษย์คุ้นเคย จนถึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดข้อสรุปสุดหักมุมที่สาวกจะต้องกรีดออกมาด้วยความไม่ชอบซีรีส์ 7 ตอน ของ Amazon Prime เรื่องราวของเด็กยักษ์สูง 4 เมตรที่ออกมาพบเจอโลกข้างนอก ข้างหลังถูกบิดามารดาเลี้ยงเอาไว้ภายในบ้านมาตลอด 18 ปี แล้วก็จำต้องเจอกับผู้คนในสังคมที่ทั้งยังดีแล้วก็ร้าย รวมทั้งซูเปอร์วีรบุรุษที่เขาชอบพอมาตลอด กลับถูกเห็นว่าเขาเป็นภัยต่อสังคม

ก็คงจะต้องรับสารภาพอย่างไม่อ้อมค้อมว่า Indiana Jones and the Dial of Destiny ก็มีทั้งยังมุมที่น่าประทับใจรวมทั้งมุมที่รู้สึกเฉยๆผสมกันไปตลอดการเสี่ยงภัยคราวนี้ ดูหนัง ที่แน่ๆเลยก็คือเสน่ห์ความเป็นหนังอินดี้ ที่ออกจะเจือจางหายไปอย่างเห็นได้ชัด หากว่าตัวหนังจะมานะมากมายๆที่จะดึงเสน่ห์อย่างนี้ที่บิดามดฮอลลิวูดเคยทำเอาไว้ แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะดึงที่ตรงนั้นเข้ามาได้ได้อย่างเต็มความสามารถ มันก็เลยกลายเป็นหนังที่มีเสน่ห์ขาดๆเกินๆอย่างบอกผิด

  • เจมส์ แมนโกลด์ ยังมาร่วมเขียนบทหนังร่วมกับกลุ่มชั้นยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น “เดวิด วัวเอพ” (จากหนังภาคที่แล้ว) และก็ “จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ” กับ “เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ” (จาก Ford v Ferrari) แม้กระนั้นบทหนังและก็การขัดเกลาแนวทางของหนังยังค่อนข้างจะวนอยู่ในเซฟโซนเดิมๆของหนังเครือญาติอินดี้ ที่พวกเรามองเห็นถึงความมานะบากบั่นที่จะสร้างความแปลกใหม่ ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นยังค่อนข้างจะใส่น้ำหนักที่ค่อยไปสักนิด เป็นบทหนังที่ยึดสูตรสำเร็จมากเกินความจำเป็นนิด จนกระทั่งพลอยทำให้เบื่อได้ง่ายไปด้วย

ดูหนัง

ดูหนัง รีวิว I’m A Virgo แนว Coming Of Age

ซีรีส์ที่มีไอเดียเริ่มได้แปลกพิดาร ร่วมกับการนำเสนอในแนวคัลท์กระทั่งเชิญปวดศีรษะ หลายประเภทในเรื่องถูกใส่เข้ามาแบบหลุดโลกแล้วก็รู้เรื่องได้ยาก โดยเกี่ยวกับหัวข้อการเมืองรวมทั้งระบบทุนนิยมในมุมมองของคนดำ ซึ่งทำให้เป็นรายละเอียดเฉพาะกรุ๊ปรู้เรื่องได้ยากเข้าไปอีก ส่วนนี้ทำให้เรื่องมองไม่สนุก แต่ในส่วนของผู้แสดงที่มีพลังพิเศษกลับมีการพรีเซนเทชั่นพลังแบบแปลกๆที่เหมาะสมเข้ากันได้กับเรื่องมาก และเป็นส่วนที่ช่วยดึงรั้งให้ดูได้จนกระทั่งจบ

  • ซึ่งจะทดลองดูก็ได้ไม่เสียเวล่ำเวลามากมาย เพราะเหตุว่าแต่ละตอนยาวโดยประมาณ 25-30 นาทีแค่นั้นนะครับ (แต่ว่าตอนสุดท้ายค้างคาเรื่องไว้ไปต่อฤดูกาล 2 เยอะแยะ)ซีรีส์ที่มีไอเดียเริ่มต้นได้แปลกพิดารมาก ซึ่งถ้าหากมองเรื่องย่อก็บางครั้งอาจจะรู้เรื่องว่าหัวข้อนี้เป็นแถว Coming of Age ผสมซูเปอร์วีรบุรุษ แต่ว่าเรื่องราวจริงๆกลับไม่ใช่แบบที่มองเห็น หากแม้เรื่องราวการเจริญเติบโตของนักแสดงเด็กยักษ์ที่ชื่อว่า Cootie

(รับบทบาทโดย Jharrel Jerome ผู้แสดงเด็กยอดความสามารถจากซีรีส์ When They See Us ของ Netflix และก็เป็นคนพากษ์เสียง Spider-Man: Across the Spider-Verse) จะเกี่ยวพันกับตอนการศึกษาแปลงผ่านวัย การมีเพื่อนฝูงหนแรก การตกหลุมรักหญิง การทำงานหารายได้ เป็นซีรีส์วัยรุ่นที่เอาการเด็กยักษ์ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่เคยเผชิญโลกข้างนอกมาเล่นได้อย่างน่าดึงดูดแม้กระนั้นเรื่องราวในส่วนนี้กลับถูกตัดทอนจุดสำคัญลงไปๆมาๆก

  • เมื่อผู้ผลิตเลือกเล่าเป็นแถวด้านการเมือง สะท้อนเรื่องราวของคนผิวดำกับระบบทุนนิยม แล้วยังคงใช้การเล่าเรื่องแบบหนังคัลท์ (Cult) ที่คิดต้องการที่จะให้มีอะไรก็ใส่เข้ามาแบบหลุดโลกไปเลย โดยไม่สนใจว่าผู้ชมจะเข้าดวงใจสิ่งนั้นเลยหรือเปล่า ซึ่งชักชวนให้ผู้ชมสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเรื่องมาก ถึงกับขนาดที่ว่าทาง amazon prime ควรมีส่วนเสริมชี้แจงเรื่องราวในแต่ละตอนจากผู้ผลิต Boots Riley อีกครั้งถึงจะเข้าหัวใจว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร แล้วก็สะท้อนมุมมองปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคมแบบไหน

ทำให้การรับดูซีรีส์หัวข้อนี้มิได้เป็นแถวเพลิดเพลินเหมือนอย่างที่คิดนับจากวันที่โลกถูกตัวประหลาดคลั่งไล่สวาปามคนมาตรงเวลาร่วมปี กรุ๊ปทหารเยาวรุ่นหน่วย 2 ที่สูญเสียผู้ดูแลไปก็เลยจำต้องเพียรพยายามช่วยเหลือกันหาทางเอาชีวิตรอดไปจวบจนกระทั่งความช่วยเหลือเกื้อกูลจากรัฐบาลจะมาถึง ดูหนัง แม้กระนั้นเมื่อยิ่งรอคอยก็ยิ่งท้อเนื่องจากนับวันพวกเขายิ่งจำต้องพบเหตุการณ์อันตรายใกล้ความตายมากขึ้นไปทุกครั้ง

แถมยังจำเป็นต้องมารับทราบอีกว่าการสอบซูนึงหรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งใหญที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขามาตลอดกลับถูกยกเลิกไปแม้กระนั้นจะทำสอบใหม่อีกรอบในปีหน้าแทน ทำให้กรุ๊ปเด็ก มัธยม6 ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนภายในประเทศนี้ต้องหาทางเอาชีวิตรอดไปให้ถึงวันนั้นให้ได้แม้ว่าจะจำต้องพบกับปัญหาอีกเยอะแยะก็ตาม ก็เลยสร้างชุดออกปราบผู้ร้ายด้วยตัวเอง พร้อมกับเป็นเจ้าของสถานที่พิมพ์เขียนการ์ตูนที่มีตัวเองเป็นผู้แสดงนำชาย เป็นราวกับผลงานโฆษณาชวนเชื่อดีๆนี่เอง

รีวิวหนัง “Indiana Jones and the Dial of Destiny”

ที่ถือได้ว่าเป็นการกลับมาอีกรอบในรอบทศวรรษของผู้ชายนักผจญภัยในตำนาน ที่คราวนี้เสมือนจะกลับมาเพื่อสืบต่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง รวมทั้งบางครั้งก็อาจจะถึงเวลาที่เขาจำต้องโบกไม้โบกมือลาหน้าที่ ด้วยปัญหาที่ว่า “อยู่เพื่อผู้ใดกัน..?” เปลี่ยนมาเป็นเดินทางครั้งใหม่ของชายผู้มีสอดรู้สอดเห็นเคียงกาย เต็มหอมขจรกระจายไปด้วยบรรยากาศเก่าๆถึงแม้กลิ่นมันจะเริ่มจางลงๆบ้างแล้วหลังจากนั้นก็ตาม

  • ถึงแม้ว่าการเล่าของหนังจะยังสนุกสนานดี ถ้าหากว่าใครกันแน่ที่เป็นแฟนหนังชุดนี้ก็คงจะตื่นเต้นไปกับแนวความคิดต่างๆที่หนังเสนอออกมา แม้กระนั้นถ้าเกิดสำหรับคนชอบดูหนังขาจรแล้วละก็ ข้อมูลต่างๆที่ค่อนข้างจะเนิร์ดนิดเดียวในหนังหัวข้อนี้บางครั้งอาจจะไม่อินมากแค่ไหน ทั้งยังแอบผิดหวังนิดหนึ่งที่การเสี่ยงภัยตลอด 2 ชั่วโมงเศษๆของหนัง ก็ยังใหรสเดิมๆที่รู้จักกันมาก่อน ยังไม่ค่อยมองเห็นอะไรที่แปลกใหม่มากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นก็จัดได้ว่ามิได้ห่วยอะไร

รวมทั้งภาคนี้ก็ยังเซอร์วิสแฟนคลับด้วยการใส่อีสเตอร์เอ้กเอาไว้ให้ได้รู้สึกนึกถึง หากผู้ใดมิได้เป็นแฟนหนังชุดนี้มาก่อนก็น่าจะไม่เคยทราบสึกอะไรเยอะแค่ไหน การได้มองเห็นดาราหนังเก่าๆที่เคยชินกับหนังชุดนี้กลับมา ก็ถือได้ว่าเซอร์ไพรส์เบาๆแล้วก็ใส่ใจได้ว่าวันเวลาผ่านไปเพียงใด แล้วก็พวกเขาก็ผ่านช่วงต่างๆท่ามกลางร่องรอยที่วัยบนร่างกายของพวกเขา ที่ควรจะแก่ถึงเวลาที่จะจำเป็นต้องเบาๆดำรงชีวิตที่ผ่อนช้าลงแล้วใมในเวลานี้

แม้กระนั้นถึงตัวเรื่องจะถูกเล่าออกมาแบบหนังคัลท์กระทั่งทำให้ไม่สนุก เข้าถึงยาก ตัวเรื่องก็ยังมีส่วนที่ดูแล้วบันเทิงใจและก็น่าสรรเสริญอยู่ มันก็คือส่วนของซูเปอร์วีรบุรุษที่ทำออกมาแปลกล้อเลียนเสียดสีแบบ The Boys แต่ว่าก็มีความไม่เหมือน โดยในประเด็นนี้มีตัวละครที่เผยมาตั้งแต่ทีแรกก็คือ The Hero คนร้ายประจำเรื่องที่แสดงบทเป็นวีรบุรุษประจำเมือง โดยล้อเลียนทุกๆอย่างของ Iron man มาประยุกต์แบบตลกโปกฮาๆเขาเป็นมหาเศรษฐีเทคโนโลยีที่มั่งมีล้นฟ้า แล้วต้องการเป็นวีรบุรุษ

รีวิว Deadloch สอบปากคำการฆาตกรรมสม่ำเสมอที่ชักชวนวุ่นวายกับปัญหาเฟไม่นิสต์

โดยรวมเป็นซีรีส์ที่ลงลึกในประเด็นการไขคดีฆาตกรโรคจิต แต่ว่ามาในแนวเฟไม่นิสต์เชื่อมโยงกับผู้แสดงต่างๆในชุมชน ซึ่งเดาผู้ร้ายมิได้เลยว่าเป็นคนไหน แม้กระนั้นสิ่งที่เป็นปัญหานั้นก็คือเนื้อหายิบย่อยล้นหลามที่ใส่ไว้ทำให้มองปวดศรีษะ เป็นตัวไล่ผู้ชมออกไปๆมาๆกที่สุดขอรับ โดย Cootie เองก็ถูกใจหนังสือการ์ตูนของเขา แต่ว่าเมื่อเขาออกมาเจอกันในโลกด้านนอก Cootie เปลี่ยนไปเป็นคนร้ายในสายตาของ The Hero ไป ยิ่งไปกว่านี้แล้วในเรื่องยังมีตัวละครที่มีพลังพิเศษอีกคนจำนวนไม่น้อย

  • “แฮร์ริสัน ฟอร์ด” ก็ยังจัดการกับบทที่เคยแจ้งกำเนิดให้กับเขาได้อย่างดีเยี่ยม การเป็นอินดี้ในครั้งที่ 5 นี้ แม้ว่าจะเต็มไปด้วยภาพที่ความโรยราตามวัย แต่ว่าเขาก็ยังแคล่วคล่องว่องไวในฐานะอินดี้ในลักษณะของเขา และก็พิสูจน์ให้มีความเห็นว่าบทนี้เป็นบทของเขาโดยแท้จริง หากแม้เสน่ห์รวมทั้งภาพแต่ต้นๆจะเริ่มจางหายไปตรงเวลา แม้กระนั้นขั้นต่ำๆมันก็ยังมีความจำอยู่จำนวนมากกับการแสดงของเขา

แม้กระนั้นติดอยู่นิดนึงกับจุดขายของภาคนี้ ที่ใ้ช้เคล็ดลับพิเศษสำหรับการช่วยปรับให้ลดอายุของอินดี้ กลับไปสู่ตอนวัยชายหนุ่มอีกที รับตรงๆเลยว่ามองเห็นแล้วแอบกลัวนิดหน่อย เพราะเหตุว่าซีจีย้อนวัยที่ถือมาใช้คราวนี้ ยังจำต้องนำไปปรับปรุงถัดไป มันยังค่อนข้างจะมองลอยๆรวมทั้งแข็งทื่อไปในบางจุดอยู่ราวกับ ทำให้อินดี้ในวัยชายหนุ่มมิได้หล่อเป็นธรรมชาติราวกับดังเดิมเป็นมากแค่ไหน กลับเหมือนคนไปฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์มาทำนองนั้น ที่ยังไม่ค่อยเนียน

ซึ่งเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจกับสิ่งที่เราเองชอบใจ หรือการอาการไม่ดีเหมือนปกติตั้งแต่เกิดอย่าง ออทิสติกส์ ก็ถูกเอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงให้เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษ ผ่านมุมมองที่แตกต่างกันได้อย่างน่าดึงดูดมากมาย ซึ่งในส่วนนี้เองที่ช่วยดึงความพึงพอใจของผู้ชมไว้ได้เรื่อยรวมทั้งทำเป็นดีกับการนำเสนอพลังพิเศษในแบบอย่างแปลกๆไม่ซ้ำใคร ดูหนัง โดยมิได้เน้นย้ำฉากต่อสู้ ซึ่งผู้ชมก็จะต้องรู้เรื่องเหตุว่านี่เป็นซีรีส์ทุนต่ำ มันก็เลยเป็นการขายไอเดียประหลาดล้วนๆ

รีวิว The Horror Of Dolores Roach

โดยรวมนี่เป็นซีรีส์ขนาดสั้นที่ทำออกมาได้เอาจริงเอาจังร้ายแรงหนำใจ 0le777 อีกทั้งฉากดราม่า การฆ่าสังหาร ความรัก ลักษณะการป่วยจิตจากการเช็ดกสภาพสังคมกดทับเจริญเลย ผู้ใดกันที่มองหาความแปลกผิดแผกแตกต่าง เสนอแนะเลยว่าควรจะทดลองเป็นอย่างยิ่งครับผม เปิดเรื่องราวในพาร์ตที่ 2 ด้วยฉากแอ็กชันที่โชว์ให้มีความเห็นว่าหน่วยลูกไก่ในวันนั้นเปลี่ยนมาเป็นกองพันลูกเทวดาที่ความสามารถแกล้วกล้ามากยิ่งขึ้นขนาดไหนในขณะนี้

  • พวกเราผู้ชมจะได้มองเห็นความเจริญของนักแสดงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนว่าเป็นเลิศในสมาชิกหน่วยที่ผ่านทุกเรื่องดีแล้วก็ร้ายร่วมกันมาหมาดๆการที่ได้มองเห็นเหล่าผู้แสดงเติบโตขึ้น รอช่วยเหลือกัน แถมยังปรับนิสัยให้กับสิ่งแวดล้อมที่แปรไปได้เสมือนว่าสามารถเห็นด้วยภาวะข้อเท็จจริงที่โลกใบนี้บางทีอาจมิได้ได้โอกาสกลับไปเป็นดังเดิมอีกแล้ว ผ่านการทำงานเป็นกลุ่มเวิร์คที่มองเป็นมือโปรมากยิ่งขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตกระจ่างเยอะขึ้นเรื่อยๆ บางผู้แสดงก็แสดงออกว่าเป็นนักคิดแผนที่ดี

บางนักแสดงก็เป็นหน่วยโจมตีที่หาญกล้า แล้วก็อีกหลายผู้แสดงก็ศึกษาจะกำจัดข้อด้อยของตนเอง เพื่อลดการทำตนเป็นภาระหน้าที่ของส่วนกลางให้สูงที่สุดแต่ว่าถึงตัวเรื่องจะถูกเล่าออกมาแบบหนังคัลท์จนถึงทำให้ไม่สนุก เข้าถึงยาก ตัวเรื่องก็ยังมีส่วนที่ดูแล้วบันเทิงใจรวมทั้งน่ากล่าวยกย่องอยู่ ซึ่งก็คือส่วนของซูเปอร์วีรบุรุษที่ทำออกมาแตกต่างล้อเลียนเสียดสีแบบ The Boys แม้กระนั้นก็มีความไม่เหมือน โดยในประเด็นนี้มีตัวละครที่เผยมาตั้งแต่ตอนแรกก็คือ The Hero คนร้ายประจำเรื่องที่แสดงบทเป็นวีรบุรุษประจำเมือง

  • โดยล้อเลียนทุกๆอย่างของ Iron man มาประยุกต์แบบขำขันๆเขาเป็นมหาเศรษฐีเทคโนโลยีที่มั่งคั่งล้นฟ้า แล้วต้องการเป็นวีรบุรุษ ก็เลยสร้างชุดออกปราบผู้ร้ายด้วยตัวเอง พร้อมกับเป็นเจ้าของสถานที่พิมพ์เขียนการ์ตูนที่มีตัวเองเป็นผู้แสดงนำชาย เป็นราวกับผลงานโฆษณาชวนเชื่อดีๆนี่เอง โดย Cootie เองก็ถูกใจหนังสือการ์ตูนของเขา แต่ว่าเมื่อเขาออกมาเจอกันในโลกข้างนอก Cootie กลายเป็นคนร้ายในสายตาของ The Hero ไป นอกเหนือจากนี้แล้วในเรื่อง

ยังมีตัวละครที่มีพลังพิเศษอีกหลายท่าน ซึ่งเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจกับสิ่งที่เราเองพอใจ หรือการอาการเปลี่ยนไปจากปกติตั้งแต่เกิดอย่าง ออทิสติกส์ ก็ถูกเอามาปรับเปลี่ยนให้เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษ ผ่านมุมมองที่ผิดแผกแตกต่างได้อย่างน่าดึงดูดมากมาย ซึ่งในส่วนนี้เองที่ช่วยดึงความพึงพอใจของผู้ชมไว้ได้เรื่อยและทำเป็นดีกับการนำเสนอพลังพิเศษในต้นแบบแปลกๆไม่มีใครเหมือน โดยมิได้เน้นย้ำฉากต่อสู้ ซึ่งผู้ชมก็จะต้องรู้เรื่องเพราะว่านี่เป็นซีรีส์ทุนต่ำ มันก็เลยเป็นการขายไอเดียประหลาดล้วนๆ

รีวิวซีรีส์ Moving Disney+

รีวิว Guardians of the Galaxy Vol.3

ถ้าหากนับจากขณะภายหลังที่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ ลงโรงฉายไปเมื่อปี 2017 ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นระยะเวลานานถึง 6 ปีเข้าให้แล้ว ถือได้ว่าหนังซูเปอร์ฮีโรของ Marvel Studios ที่มีระยะห่างของภาคต่อที่ห่างมากมายอีกหัวข้อเลยก็ว่าได้ (ถ้าเกิดนับตามเฟส Vol. 2 นี่เป็นอยู่ในเฟส 3 เลยครับผม) ถ้าเกิดไม่นับที่ยกขบวนไปช่วยกำราบธานอสใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018), ‘Avengers: Endgame’ (2019) รวมทั้งใน ‘Thor: Love & Thunder’ (2022)

ดีหน่อยที่เทศกาลคริสต์มาสที่แล้วพึ่งจะมี ‘The Guardians of the Galaxy Holiday Special’ (2022) ที่น่ารักน่าเอ็นดูรวมทั้งเตรียมพร้อมก่อนมาพบของแท้กับหนังหัวข้อนี้เจริญเลยซึ่งถ้าเกิดคนไหนกันแน่ยังจำกันได้ กว่าจะมาเป็น ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ อย่างที่พวกเราได้มองกัน นอกเหนือจากที่จะนานและยังทุลักทุเลใช่ย่อย ดูหนัง ด้วยเหตุว่า เจมส์ กันน์ ผู้กำกับรวมทั้งเขียนบทประจำแฟรนไชส์นี้ ดันถูกขุดทวีตแนวขบขันร้ายต่างๆนานา

  • จนกระทั่ง Disney หวานใจษาภาพลักษณ์ด้านบวกยิ่งชีพถึงกับจำเป็นต้องให้ออก ถึงแม้หนัง 2 ภาคจะทำรายได้ไปไม่น้อย แม้กระนั้นท้ายที่สุดด้วยแรงหนุนจากทั้งคนดูและดารา ก็เลยสบโอกาสที่ 2 ได้กลับมาสานฝันกับหนังหัวข้อนี้อีกรอบ แต่ว่าและยังจำเป็นต้องผัดผ่อนไปอีก เนื่องจากระหว่างนั้น กันน์ก็ผ่านไปจักรวาล DC ดูแลหนัง ‘The Suicide Squad’ (2021) และก็โทรทัศน์ซีรีส์ ‘Peacemaker’ (2022) จนได้นั่งแท่นประธานร่วมของ DC Studios ด้วยซะเลย

“ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์” เป็นเสน่ห์ร้ายมากในหนังประเด็นนี้จริงๆคุณเป็นตัวลักขโมยรวมทั้งตัวแม่ที่มาช่วยเหลือหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny ประเด็นนี้ได้โดยแท้จริง อีกทั้งเสน่ห์และก็จังหวะการแสดงออกมาได้น่าคลั่งไคล้ กับเสน่ห์ธรรมชาติที่ผู้ชมยังเคลิ้มได้อย่างง่ายๆ ถึงแม้บทของคุณจะยังไม่ค่อยมีมิติอะไรมากสักเท่าไรนัก แต่ว่าเป็นบทสมทบที่เข้ามาช่วยเต็มเพิ่มเติมให้กับหนังหัวข้อนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ขอบคุณมากจริงๆที่ได้คุณคนนี้เขามาช่วยหามอีกแรง

ฉะนั้นในรูปภาพรวมแล้ว Indiana Jones and the Dial of Destiny บางทีก็อาจจะยังไม่ใช่ภาคที่น่าประทับใจที่สุด การเสี่ยงภัยรวมทั้งกิมไม่กต่างๆยังค่อนข้างจะเพลย์เซฟไปสักนิด ซึ่งหากให้บอกตามจริงก็คงเรียกได้ว่าเป็นหนังอินดี้ที่แทบมิได้รู้สึกผูกพันหรือมีซีนรวมทั้งฉากที่ตรึงตาตรึงใจสักเท่าไหร่ มันแปลงเป็นมนต์ขลังเก่าๆที่สัมผัสยังไม่ถึง ในตอนวาระในตอนที่มันกำลังจะเบาๆเลือนหาย แม้กระนั้นความเป็นตำนานของอินดี้กลับยังคงอยู่ตลอดกาล โดยที่อยู่เวลาที่ดีเลิศของมันตั้งแต่แมื่อภาคที่ 3 เป็นต้นมา

รีวิว Tom Clancy’s Jack Ryan SS4

ฤดูกาลจบที่เรื่องโดนตัดเหลือเพียง 6 ตอน ตอน 2 ช่วงแรกเรื่องยัดนักแสดงใหม่มาเยอะแยะจนกระทั่งทำให้งงเต็กกับเรื่องราวต่างๆแม้กระนั้นพอเพียงตอนหลัง 4 ในระหว่างที่เหลือเริ่มเข้าที่เข้าทางทางก็ทำให้กลับมามองสนุกสนานขึ้น ฉากแอ็กชั่นมีหลายฉาก แต่ทุกฉากถูกทำให้มองกล้วยๆไปหมด ไม่มีหักมุมหรือเซอร์ไพรซ์เลย สิ่งที่ยอดเยี่ยมของภาคนี้เป็นฉากจบของแจ็คที่เป็นแถวไต่สวนไล่หาหลักฐานต่างๆเชื่อมโยงแล้วก็ปิดจบเคสได้อย่างงดงามนะครับ

  • เจอกับแจ็ค ไรอันในฤดูกาลสี่และก็ฤดูกาลท้ายที่สุดกับภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในฐานะรักษาการรองผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาคนใหม่ แจ็คได้รับมอบหมายให้ตรวจทานการโกงด้านในหน่วยงาน ในตอนที่เขาสอบสวนอยู่ แจ็คก็ศึกษาค้นพบว่ามีการรวมกันของกลุ่มค้ายากับหน่วยงานก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปิดเผยการรวมหัวที่อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิดรวมทั้งทดลองความเชื่อถือในระบบที่แจ็คต่อสู้เพื่อคุ้มครองปกป้องมาตลอด

จุดนี้จะต้องขอสรรเสริญอีกทีว่าคณะทำงานเก่งมากมายซึ่งสามารถรักษาคุณลักษณะเด่นในหัวข้อการกระจัดกระจายหน้าที่ของเด็กสิบกว่าคนได้อย่างทัดเทียม ทุกคนมีติดอยู่แรกเตอร์น่าจำ kubhd น่าเอาใจช่วย และไม่ทำให้พวกเรามีความรู้สึกว่าจะหลงๆลืมๆผู้ใดกันไปได้เลย มันก็เลยเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมที่รู้สึกผูกพันกับผู้แสดงมาราวๆนึงในพาร์ตแรกอยู่แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกผูกผันกับทุกผู้แสดงในพาร์ตนี้เพิ่มมากขึ้นไปอีก กล่าวได้ว่าใช้เวลาใน Ep.1 อย่างมากไปกับเรื่องราวความเกี่ยวข้องของเหล่าเด็กน้อยที่ถูกรีบโตด้วยภาระหน้าที่เกินวัย

รีวิวซีรีส์ See You in My 19th Life ชาตินี้ก็ฝากด้วยนะ

เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก ดรามา คอมเมดี้ และก็กลับมาเกิดใหม่ใหม่ ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้ที่จำเรื่องราวชาติที่ผ่านมาของตนได้ครั้งใดก็ตามกลับมากำเนิด แม้กระนั้นในขณะที่รู้สึกเย็นชากับทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง เฉยชากับชีวิตครั้งใหม่แล้วก็ได้แต่ว่าภาวนาให้การกำเนิดใหม่สิ้นสุดลงสักครั้ง คุณก็ได้เจอกับผู้ที่ทำให้ต้องการมีชีวิตแล้วก็จำชาติโลกของตนได้อีกที เรื่องราวจะคืออะไร จะน่าดึงดูดรวมทั้งมีค่าแก่การเปิดมอง Netflix ในวันหยุดไหม พวกเรามีรีวิวซีรีส์ประเทศเกาหลี ‘See You in My 19th Life’ มาฝากแล้ว

  • แล้วก็เมื่อเริ่มมองไปไม่นาน จุดแรกที่คนพูดถึงกันมากในซีรีส์พาร์ตนี้ก็คือ จุดโฟกัสของซีรีส์ที่แปรไป เป็นจุดหลักที่ทำให้หลายๆคนรู้สึกตะหงิดจิตใจแปลกๆแล้วก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงกับ Duty After School พาร์ต 2 นี้ว่าจะเดินเรื่องราวไปในแนวทางไหนกันแน่ กำเนิดเป็นความรู้สึกงวยงงๆงงงวยๆเพราะเหตุว่าในพาร์ตที่แล้วซีรีส์ดันให้ความมุ่งหวังไว้ซะเยอะแยะ ซึ่งในเวลาเดียวกันถ้าเกิดคนไหนกันที่มิได้คาดหมายว่านี่จะเป็นซีรีส์แอ็กชันไซไฟไล่ฆ่าเอเลียนสุดเดือดตั้งแต่ตอนแรก

ก็คงไปต่อกับเรื่องราวพาร์ตนี้ได้แบบชิลล์ๆแถมบางทีอาจจะรู้สึกได้โดยทันทีเลยว่าซีรีส์ประเด็นนี้ยังมีหัวข้ออะไรที่น่าดึงดูดมากกว่าเอเลียนบุกโลกแอบซ่อนเอาไว้เป็นทีเด็ด ดูหนัง จุดนี้นี่แหละที่ทำให้ยิ่งน่าติดตามเข้าไปใหญ่ซีรีส์ประเทศออสเตรเลียของ Amazon Prime Video แนวไต่สวนชวนขัน 8 ตอนสุดท้าย เกิดเหตุการสังหารขึ้นในเมือง Dead Loch เมืองเล็กๆบนเกาะของเมืองแทสมาเนีย ตำรวจสายสืบสาวเฟไม่นิสต์จำต้องลงมือสืบสาวร่วมกับตำรวจสายสืบที่ส่งมาไขคดีบนเกาะที่นี้

รีวิว Red White & Royal Blue

นี่เป็นหนังเกย์สมัยใหม่ที่ฉีกรวมทั้งสดใหม่ด้วยการนำปม LGTBQ ขึ้นไปสู่การบ้านการเมืองกับเรื่องเจ้าได้อย่างถ่องแท้และก็พอดีมากมายทั้งยัง 2 ด้าน หรือใครกันแน่ที่บางครั้งอาจจะอยากได้มองเพียงแค่ตัวนำสุดหล่อมีเสน่ห์ทั้งสองก็ย่อมได้เหมือนกัน ด้วยเหตุว่าหนังก็จัดให้อย่างเต็มที่ด้วยฉากโรแมนติก+ชวนขันนิดๆร่วมกับฉากลึกซึ้งที่เอาว่าฟินแน่ๆละกันขอรับ ก็ทำให้ซีรีส์ประเด็นนี้เบาๆดูดีขึ้นมา แม้ว่าจะยังมีลุคเดิมตามติดมาด้วยนะครับ

  • ผลิตจากเว็บไซต์ตูนชื่อเดียวกัน เล่าราวของ บันจีขี้ม หญิงสาวที่มีความรู้และมีความเข้าใจสำหรับเพื่อการระลึกชาติก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาของตนเองได้ทั้งหมดทั้งปวงเมื่อคุณกลับชาติมาเกิด โดยความจำจะเริ่มกลับมาเมื่ออายุได้ราว 8 – 12 ปี แล้วก็โน่นก็ทำให้คุณเริ่มเฉยชากับชีวิตของตนเองอย่างกับว่าผู้เขียนบทตั้งมั่นให้พวกเราซาบซึ้งกับความสบายนี้เอาไว้ ก่อนที่จะความรู้สึกผูกพันนี้จะถูกดึงมาใช้เป็นไม้ตายตอกฝาโลงศพผู้ชมอีกรอบในช่วงสุดท้าย

แม้กระนั้นแล้วในชีวิตชาติที่ 18 คุณขณะนั้นกำเนิดเป็นยุยงนจูวอน ได้เจอกับมุนซอฮาในวัยเด็ก เขาทำให้คุณพึงพอใจแล้วก็กลับมารู้สึกบันเทิงใจกับชีวิต เวลาผ่านไปทั้งสองคุ้นเคยกันเป็นอันมาก แต่ว่าแล้วในวันเกิดของมุนซอฮา ชีวิตของคุณในชาตินี้ก็จำเป็นต้องจบลงจากอุบัติเหตุอันน่าสงสาร เป็นครั้งแรกที่คุณภาวนาขอให้ตนเองกลับชาติมาเกิดและก็จำชาติที่ผ่านมาได้เพื่อจะกลับมาหาและก็อยู่เคียงคู่มุนซอฮาอีกรอบ

เมื่อกลับชาติมาเกิดในชาติที่ 19 บันจีถ่ายมที่เวลานี้กำเนิดในครอบครัวยากไร้ บิดาติดการเดิมพัน รวมทั้งมีพี่ชายที่ขี้ขโมยเงินของคุณเสมอๆก็แรมรอนทำทุกแนวทางเพื่อตามหามุนซอฮา จวบจนกระทั่งคุณพาตนเองมายืนอยู่เฉพาะหน้าเขาที่ในเวลานี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็มีรอยแผลจิตใจในอดีตกาลได้สุดท้าย เรื่องราวจะเป็นยังไงถัดไปร่วมลุ้นความเกี่ยวพันของทั้งสองได้ในซีรีส์ ‘See You in My 19th Life – ชาตินี้ก็ฝากด้วยนะ’ ทาง Netflix

ดูหนัง

รีวิวซีรีส์ Doctor Cha

เป็นซีรีส์ประเทศเกาหลีแนวดราม่า/แวดวงแพทย์/การเจริญเติบโต มีความคอมเมดี้ตลกขบขันร้าย ผสมดราม่าและก็ปมสารพัดสารพันของหญิงประเทศเกาหลี หรือหากเฉพาะเจาะจงกว่านั้นก็เป็น “แม่บ้าน” ที่ถูกกดทับจากสังคมในทุกทาง ซึ่งถึงแม้ว่าการเสนอจะมีความสนุก ครื้นเครง เชื้อเชิญลุ้นไปกับนักแสดง แต่ว่าหลักสำคัญลึกๆกลับเอาจริงเอาจังเชื้อเชิญเก็บมาคิด จนถึงแปลงเป็นซีรีส์ Netflix ที่คนไม่ใช่น้อยกำลังติดงอมแงม

  • ซีรีส์ความยาว 16 ตอนประเด็นนี้ฉายทางช่อง JTBC ได้ผลงานของนักประพันธ์จองยอรัง (Jung Yeo-Rang) ซึ่งส่งผลงานประเด็นนี้เกิดเรื่องแรก ส่วนผู้กำกับเป็นคิมแดจิน (Kim Dae-Jin) ผู้เคยมีประสบการณ์ควบคุมซีรีส์มีชื่อมาหลายเรื่อง อย่างซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ ‘Kill Me, Heal Me’ หรือจะเป็นซีรีส์สอบสวนตื่นเต้น ‘Less Than Evil‘ ก็ผ่านมือเขามาแล้ว ส่วน ‘Doctor Cha’ จะสนุกสนานน่าติดตามขนาดไหน ลองมองรีวิวกันได้เลย

เป็นซีรีส์ที่ผลิตจากเว็บไซต์ตูนเรื่องดังของประเทศเกาหลี เรื่องราวเป็นแถวโรแมนติก ดรามา คอมเมดี้ แฟนตาซี บอกแนวความคิดความเลื่อมใสหัวข้อการกลับมาเกิดใหม่ใหม่ และก็ยังมีกลุ่มดาราที่น่าดึงดูด ไม่ว่าจะเป็น เคยชินฮเยชอน (Shin Hye-Sun – รับบทบาทบันจีถ่ายม) อันโบฮยอน (Ahn Bo-Hyun – รับบทบาทมุนซอฮา) ฮายุยงนคยอง (Ha Yoon-Kyung – รับบทบาทยุยงนโชวอน) รวมทั้งอันป่าฉัน (Ahn Dong-Goo – สวมบทบาทฮาโดยุน)

ยิ่งไปกว่านี้ยังมีรุ่นใหญ่จอมลักขโมยซีนที่เคยร่วมงานกับนางเอกมาแล้วในซีรีส์ ‘Mr.Queen’ อย่างชาชุงฮวา (Cha Chung-Hwa – สวมบทบาทคิมแอกยอง) ร่วมด้วยกลุ่มผู้แสดงเด็กมากเรื่องสามารถข้อแรกจำเป็นต้องดูก่อนว่าซีรีส์เล่าราวได้กระชับรวมทั้งตัดต่อก้าวหน้ามากมาย เนื่องจากว่านางเอกของพวกเราจำชาติปางก่อนต่างๆของตนเองได้ ดูหนัง ก็เลยมีการตัดสลับเดี๋ยวนี้กับภาพในอดีตกาลเป็นระยะ แต่ว่ามิได้ทำมาบ่อยเกิน เป็นการเปลี่ยนฉากที่เหมาะสมกับการเล่าเรื่องในซีนนั้น

ทำให้ผู้ชมอย่างพวกเรารู้เรื่องในทันทีทันใดว่าที่นางเอกมีความรู้และมีความเข้าใจมากมายก่ายกองขนาดนี้เพราะว่าจำชาติปางก่อนมากมายของตนเองได้นั่นเองซีรีส์ที่ถือเอาการการฆ่าสังหารมาเป็นเมนหลัก โดยมีเรื่องมีราวราวส่วนตัวของตัวนำสาว 2 คน ที่คนหนึ่งเป็น LGTBQ แบบเผยออกมาว่าคบกับผู้ใดอยู่ ในชื่อ Dulcie Collins (แสดงโดย Kate Box) อีกคนเป็นตำรวจหญิงสูงอายุที่กล่าวพร่ำบ่นไต่สวนไปบ่อยราวกับคนไม่ตั้งใจดำเนินการ ในชื่อ Eddie Redcliffe (แสดงโดย Madeleine Sami)

ซึ่งในตอน 3 ตอนต้นเป็นตอนที่ผู้ชมต้องปวดศรีษะกับการบ่นบ้าๆบอๆไปเรื่อยๆของ Eddie Redcliffe มากมาย เรื่องราวเกือบจะไม่ไปไหน ด้วยเหตุว่านักแสดงนี้จะพาไปให้ถึงตอนสุดท้ายแบบไม่ต้องสืบอะไรเยอะมาก จนกระทั่งไม่ฉงนใจว่าเพราะเหตุไรผู้ชมถึงเทซีรีส์นี้ทิ้งโดยทันที แม้กระนั้นในตอน 3 เรื่องราวจะเฉลยคำตอบว่าทำไม คุณถึงมีความประพฤติหลุดโลกแบบที่มองเห็นได้ หากแม้ประเด็นนี้จะเป็นแถวชวนขันอยู่รวมทั้งตาม ซึ่งพอใช้ละครนี้ปรับอารมณ์ให้มาอยู่ในแนวสอบสวนธรรมดาได้